อีกหนึ่งความแข็งแกร่งของ MR & Partners (MRP) คือทีมทนายความรุ่นใหม่และฝ่ายสนับสนุนงานกฎหมาย ที่เปี่ยมด้วยพลัง ความกระตือรือร้น และแนวคิดทันสมัย ทีมงานกลุ่มนี้พร้อมขับเคลื่อนการทำงานด้วยเทคโนโลยีและกระบวนการที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อสนับสนุนการให้บริการของ MRP ให้ครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่การวางแผนเชิงกลยุทธ์ การวิเคราะห์ข้อกฎหมาย ไปจนถึงการจัดทำเอกสารและดำเนินกระบวนการยุติธรรมในทุกระดับอย่างครบวงจร
สมัชญาและณัฐธิดาถือเป็นกำลังสำคัญของทีมทนายความของ MRP ทั้งคู่ได้ร่วมงานกับ มนต์อนันต์ เรืองจรัส ผู้ก่อตั้งสำนักงาน มาตั้งแต่สมัยทำงานที่ บริษัท เอ็มอาร์ ลีเกิล คอนซัลแตนซี จำกัด (MR Legal Consultancy: MRLC) ต่อเนื่องยาวนานกว่า 4 ปี ก่อนจะมาร่วมสานต่อภารกิจทางกฎหมายที่ MRP ในปัจจุบัน
ตลอดระยะเวลาการทำงาน ทั้งสองได้มีส่วนร่วมในคดีสำคัญ ทั้งคดีทางการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งมีการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตลอดจนการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมถึงคดีปกครองทั้งในศาลปกครองกลางและศาลปกครองสูงสุด และคดีแพ่ง–คดีอาญาในศาลยุติธรรมทุกระดับชั้น
นอกจากนี้ สมัชญาและณัฐธิดายังมีบทบาทสำคัญในคดีตรวจสอบการทุจริตภายในองค์กรเอกชนขนาดใหญ่ ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายสูงและมีความซับซ้อนเชิงโครงสร้าง โดยอาศัยการวิเคราะห์ข้อเท็จจริงอย่างเป็นระบบและการประสานงานกับหน่วยงานภายนอกอย่างมืออาชีพ
สำหรับสมัชญานอกจากการทำหน้าที่ทนายความแล้ว ยังได้รับความไว้วางใจจากสำนักงานให้รับผิดชอบด้านการบริหารในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปอีกด้วย
ณัฐพล ปิยวัลย์ และ พชรธมนต์ เป็นทนายความที่ร่วมงานกับ ประณต ขอพูนเฉลา หุ้นส่วนของ MRP ที่ บริษัท สำนักงานกฎหมาย เดอะ เกรท จำกัด โดยได้สั่งสมประสบการณ์ในงานด้านอรรถคดีและการให้คำปรึกษากฎหมายเชิงธุรกิจ
ด้วยความละเอียดรอบคอบ ความรับผิดชอบ และความสามารถในการวิเคราะห์ข้อเท็จจริง ทำให้เป็นกำลังสำคัญของทีมทนายความรุ่นใหม่ที่มีบทบาทสนับสนุนในทุกมิติของงานกฎหมายของ MRP ทั้งด้านการเตรียมสำนวน การจัดทำเอกสาร การให้คำปรึกษา และการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทนายความทั้งสามยังมีส่วนร่วมในโครงการตรวจสอบการทุจริตภายในองค์กรเอกชนขนาดใหญ่ โดยทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลเชิงพฤติกรรม เพื่อแสดงให้เห็นถึงการกระทำที่เข้าข่ายทุจริต ซึ่งกลายเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่นำไปสู่การดำเนินคดีได้สำเร็จ
จิตติชัย และ จตุพร เป็นทนายความรุ่นใหม่ที่เข้ามาเสริมพลังให้กับทีมของ MRP ด้วยความมุ่งมั่น ขยันขันแข็ง และทัศนคติที่เปิดรับการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง สามารถปรับตัวเข้ากับมาตรฐานการทำงานของสำนักงานได้อย่างรวดเร็ว และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบสูงสุด
แม้จะเป็นทนายความรุ่นใหม่ แต่ทั้งสองได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความตั้งใจจริงในการพัฒนาทักษะ ทั้งในด้านการวิเคราะห์ข้อเท็จจริง การเขียนเอกสารทางคดี และการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ จึงถือเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยเสริมความครบถ้วนของทีม MRP ทั้งในด้านประสบการณ์และพลังสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่
ในฐานะผู้จัดการสำนักงาน และหัวหน้าทีม Paralegal สุนิพา มีบทบาทสำคัญในการบริหารและประสานงานฝ่ายสนับสนุนงานกฎหมายของ MRP รับผิดชอบทั้งการค้นคว้ากฎหมาย การจัดทำและตรวจสอบเอกสารทางกฎหมาย การเตรียมข้อมูลและเอกสารประกอบคดี ตลอดจนการติดต่อประสานงานกับลูกความ หน่วยงานราชการ และองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ด้วยประสบการณ์ยาวนานจากการทำงานร่วมกับหุ้นส่วนของ MRP ที่ บริษัท สำนักงานกฎหมาย คนึง แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด สุนิพามีความเข้าใจในระบบการทำงานของทีมทนายความ และสามารถบริหารงานฝ่ายสนับสนุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้การดำเนินงานของสำนักงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ราบรื่น และมีมาตรฐาน
ทีมทนายความรุ่นใหม่และฝ่ายสนับสนุนของ MRP ไม่เพียงทำหน้าที่สนับสนุนงานกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่ต่อยอดแนวคิดขององค์กรให้ก้าวทันโลกยุคใหม่ ทุกคนมุ่งมั่นพัฒนาองค์ความรู้ทางกฎหมาย ควบคู่กับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการของสำนักงานให้ถูกต้อง รวดเร็ว และโปร่งใส
ด้วยทีมเวิร์คและความทุ่มเท ทีมสนับสนุนงานกฎหมายของ MRP จึงเป็นสะพานเชื่อมระหว่าง “ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของรุ่นอาวุโส” กับ “นวัตกรรมและพลังสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่” เพื่อร่วมกันสร้างอนาคตของสำนักงานกฎหมายภายใต้หลักการ “คุณภาพ จรรยาบรรณ และความไว้วางใจ”
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.
Dictum ornare torquent pretium litora risus odio vulputate feugiat amet
Dictum ornare torquent pretium litora risus odio vulputate feugiat amet
Dictum ornare torquent pretium litora risus odio vulputate feugiat amet
มนต์อนันต์ เรืองจรัส เริ่มต้นเส้นทางวิชาชีพกฎหมายในปี พ.ศ. 2527 ที่ สำนักงานกฎหมายบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล (Bangkok International Law Office: BILO) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสำนักงานกฎหมายชั้นนำในขณะนั้น โดยได้สั่งสมประสบการณ์จากการทำอรรถคดีเชิงพาณิชย์โดยเฉพาะคดีเกี่ยวกับธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่หล่อหลอมให้มนต์อนันต์มีความเข้าใจในระบบกฎหมาย ประกอบกับการได้ความรู้จากหลักสูตรการธนาคาร สถาบันการศึกษาการธนาคารและการเงินไทยทำให้เข้าใจในกิจการและธุรกรรมของสถาบันการเงินเป็นอย่างดี
ปี พ.ศ. 2542 มนต์อนันต์ได้ร่วมงานกับ บริษัท สำนักงานกฎหมาย คนึง แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด (Kunung & Partners Law Office: KP) ซึ่งก่อตั้งโดยศาสตราจารย์คนึง ฦๅไชย ปูชนียบุคคลแห่งวงการกฎหมายไทย และเป็นสำนักงานที่มีชื่อเสียงด้านคดีความ ต่อมาได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของสำนักงานดังกล่าว รวมถึงเป็นกรรมการบริษัท คนึง แอนด์ พาร์ทเนอร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล คอนซัลแตนท์ซี จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือที่มีกิจกรรมหลักในการให้คำปรึกษากฎหมายระหว่างประเทศ
จนกระทั่งปี พ.ศ. 2559 มนต์อนันต์ได้ก่อตั้งสำนักงานของตนเองในชื่อ บริษัท เอ็มอาร์ ลีเกิล คอนซัลแตนซี จำกัด (MR Legal Consultancy: MRLC) เพื่อสานต่อแนวทางการให้บริการทางกฎหมายที่มีมาตรฐาน แต่ด้วยข้อจำกัดในการดำเนินการที่ยังไม่ครอบคลุมรอบด้าน ในปี พ.ศ. 2567 มนต์อนันต์จึงได้ร่วมกับพันธมิตรผู้ทรงคุณวุฒิทางกฎหมายในหลากหลายสาขา ก่อตั้ง บริษัท เอ็มอาร์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด (MR & Partners: MRP) ภายใต้เจตจำนงที่จะสร้าง “สำนักงานกฎหมายที่มีคุณภาพ จรรยาบรรณ และได้รับความไว้วางใจ”
ตลอดเส้นทางในวงการกฎหมาย มนต์อนันต์ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้บริหารสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียง และปฏิบัติหน้าที่ทั้งในฐานะทนายความและที่ปรึกษากฎหมาย ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้มนต์อนันต์มีความเข้าใจทั้งปัญหาทางกฎหมาย รวมทั้งบริบททางเศรษฐกิจ สังคม และเชิงพาณิชย์
ธงฉัตร จันทร์ปรุง สำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง เริ่มต้นเส้นทางวิชาชีพทนายความตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 กับ บริษัท บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล ลอว์ออฟฟิศ จำกัด (Bangkok International Law Office: BILO) สำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียงในขณะนั้น โดยได้สั่งสมประสบการณ์ด้านอรรถคดีและการว่าความในคดีเชิงพาณิชย์และคดีอาญา ในปี พ.ศ. 2552 ธงฉัตรได้เข้าร่วมงานกับ บริษัท สำนักงานกฎหมาย คนึง แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด (Kunung & Partners Law Office) ซึ่งก่อตั้งโดยศาสตราจารย์คนึง ฦๅไชย หนึ่งในบุคคลสำคัญของวงการกฎหมายไทย โดยธงฉัตรได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบคดีความที่มีความซับซ้อน โดยเฉพาะคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักการเมือง และภาคธุรกิจเอกชน ซึ่งเป็นสาขาที่มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ ทำให้ธงฉัตรได้รับการยอมรับโดยได้รับการทาบทามจากสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียงหลายแห่งให้เข้าร่วมทีมทนายว่าความในคดีความสำคัญ
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2567 ธงฉัตรได้ร่วมกับ นายมนต์อนันต์ เรืองจรัส อดีตกรรมการผู้จัดการสำนักงานกฎหมาย คนึง แอนด์ พาร์ทเนอร์ส และพันธมิตรผู้ทรงคุณวุฒิทางกฎหมายในหลายสาขา ก่อตั้งบริษัท เอ็มอาร์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด (MR & Partners) โดยมีเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะสร้างสำนักงานกฎหมายแห่งความเป็นเลิศทางวิชาชีพ ควบคู่กับการยึดมั่นในจรรยาบรรณทางวิชาชีพ
ธีรพล ปะพะลา เริ่มต้นเส้นทางในวิชาชีพกฎหมายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 ที่ บริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (มหาชน) [ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)” และภายหลังเป็น “บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)]” โดยได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานด้าน Corporate ซึ่งครอบคลุมการจดทะเบียนนิติบุคคล การจัดการเอกสารทางกฎหมาย การร่าง ตรวจสอบ และวิเคราะห์สัญญาธุรกิจ รวมทั้งการให้คำปรึกษากฎหมาย เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจในยุคที่อุตสาหกรรมโทรคมนาคมของประเทศไทยกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ต่อมา ธีรพลได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งใน บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS) โดยมีหน้าที่ดูแลทั้งงานด้านกฎหมายองค์กร (Corporate) และ งานนิติกรรมสัญญา (Contractual Affairs) ของบริษัทในเครือกว่า 40 บริษัท พร้อมทั้งปฏิบัติหน้าที่เป็น ทนายความประจำบริษัท (In-House Counsel) ดูแลคดีความของบริษัททั้งในระดับชั้นศาลและการเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางธุรกิจ
ในปี พ.ศ. 2543 ธีรพลได้เข้าร่วมงานกับ บริษัท สำนักงานกฎหมาย คนึง แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด ซึ่งก่อตั้งโดย ศาสตราจารย์คนึง ฦๅไชย หนึ่งในนักกฎหมายผู้ทรงคุณวุฒิของประเทศ โดยได้สั่งสมประสบการณ์อย่างกว้างขวางทั้งในด้านคดีความ (Litigation) และการให้คำปรึกษากฎหมาย (Legal Advisory) ครอบคลุมทั้งกฎหมายธุรกิจ การลงทุน การบริหารงานภายในองค์กร และข้อพิพาททางการค้า
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2567 ธีรพลได้ร่วมกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายในหลากหลายสาขาก่อตั้ง บริษัท เอ็มอาร์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด (MR & Partners )เพื่อสานต่ออุดมการณ์ในการสร้างสำนักงานกฎหมายที่มีคุณภาพ จรรยาบรรณ และได้รับความไว้วางใจ โดยผสมผสานประสบการณ์เพื่อให้บริการทางกฎหมายที่ครบถ้วน รอบคอบ และทันสมัย
ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี ธีรพลมีประสบการณ์ทั้งกฎหมายธุรกิจและการลงทุน กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา กฎหมายภาษีอากร กฎหมายปกครอง และการดำเนินคดีซับซ้อนระดับประเทศ
อัครวรรณเริ่มต้นวิชาชีพทนายความในปี พ.ศ. 2544 ที่ สำนักงานกฎหมายคนึง แอนด์ พาร์ทเนอร์ส โดยได้นำความรู้ด้านกฎหมาย ประกอบกับทักษะการสื่อสารและการบริหารจัดการที่ได้รับจากรั้วมหาวิทยาลัย มาประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดระยะเวลาในสำนักงานกฎหมายดังกล่าว อัครวรรณได้สั่งสมประสบการณ์หลากหลายสาขา ทั้งในด้านการให้คำปรึกษาทางกฎหมายแก่โครงการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ, คดีอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ, รวมถึงคดีทรัพย์สินทางปัญญาและสัญญาทางธุรกิจ รวมทั้งมีส่วนร่วมในการทำคดีอาญาที่มีการกล่าวหาถึงการทุจริตของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเจ้าหน้าที่รัฐอื่น ประสบการณ์เหล่านี้ช่วยเสริมให้มีความเข้าใจทั้งในเชิงเทคนิคทางกฎหมายและการดำเนินธุรกิจเชิงพาณิชย์อย่างลึกซึ้ง
ระหว่างปี พ.ศ. 2552 – 2564 อัครวรรณได้ขยายขอบเขตประสบการณ์เข้าสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมีบทบาทสำคัญทั้งในฐานะกรรมการบริษัทและผู้บริหารโครงการขนาดใหญ่ อาทิ โรงแรมระดับห้าดาว สวนน้ำ ห้างสรรพสินค้า และสนามกีฬา ซึ่งต้องอาศัยการบริหารจัดการโครงการในหลายมิติ ทั้งด้านการเงิน การออกแบบ การก่อสร้าง และการเจรจากับภาครัฐและเอกชน ประสบการณ์ในช่วงนี้ได้หล่อหลอมให้เข้าใจความเชื่อมโยงระหว่าง กฎหมาย พาณิชย์ และการบริหารโครงการ อย่างเป็นองค์รวม
ต่อมาในปี พ.ศ. 2566 อัครวรรณได้ก่อตั้งบริษัท เอ-บิซซิเนส โซลูชั่น ดีไซน์ จำกัด (A-Business Solution Design Co., Ltd.) ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แบบครบวงจร โดยเฉพาะในเรื่อง การได้มาซึ่งที่ดิน การจัดการพื้นที่เช่าค้าปลีก และการวางกลยุทธ์ทางกฎหมายเพื่อการลงทุน เพื่อสนับสนุนนักลงทุนและผู้พัฒนาโครงการให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ครอบคลุมทั้งด้านกฎหมาย กลยุทธ์ธุรกิจ และการบริหารจัดการ
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2567 อัครวรรณได้ร่วมกับพันธมิตรผู้ทรงคุณวุฒิทางกฎหมายในหลากหลายแขนง ก่อตั้ง บริษัท เอ็มอาร์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด (MR & Partners) โดยมีเจตจำนงร่วมกันในการยกระดับมาตรฐานการให้บริการทางกฎหมายให้มีความเป็นเลิศทั้งในด้าน ความรู้ ความรอบคอบ ความซื่อสัตย์สุจริต และความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อสร้างสำนักงานกฎหมายที่เป็นแบบอย่างของความเชี่ยวชาญและคุณธรรมในวิชาชีพ
ด้วยประสบการณ์ที่ผสมผสานทั้งบทบาทนักกฎหมายและผู้บริหารโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อัครวรรณจึงมีความเชี่ยวชาญครอบคลุมทุกขั้นตอนของการพัฒนาโครงการ ตั้งแต่การจัดหาที่ดิน ประสานงานออกแบบ และการควบคุมงานก่อสร้าง การขออนุญาตและการจดทะเบียนกับหน่วยงานภาครัฐ ไปจนถึงการสร้างความร่วมมือกับชุมชนในพื้นที่ โดยใช้องค์ความรู้ด้านกฎหมายธุรกิจ (Business Law) และกฎหมายองค์กร (Corporate Law) ประกอบการปฏิบัติงานควบคู่ไปโดยตลอด ทำให้อัครวรรณสามารถให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์และแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนอย่างรอบด้าน ตอบโจทย์ทั้งในมิติทางกฎหมาย การบริหารจัดการ และการพัฒนาโครงการได้อย่างครบถ้วน ส่งผลให้นักลงทุนและผู้พัฒนาโครงการสามารถตัดสินใจอย่างมีข้อมูล มีโครงสร้างที่ชัดเจน และดำเนินการได้อย่างมั่นใจในทุกขั้นตอน
ด้วยคุณสมบัติและประสบการณ์ที่กว้างขวางทำให้อัครวรรณได้รับการยอมรับในฐานะนักกฎหมายที่เข้าใจธุรกิจ และเป็นนักบริหารที่เข้าใจกฎหมายอย่างแท้จริง
ประณต ขอพูนเฉลา เริ่มต้นเส้นทางในสายวิชาชีพกฎหมายเมื่อปี พ.ศ. 2549 ในตำแหน่งทนายความประจำ บริษัท สำนักงานกฎหมาย คนึง แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการเรียนรู้และพัฒนาทักษะในงานอรรถคดีและการว่าความ เนื่องจากสำนักงานแห่งนี้ก่อตั้งโดย ศาสตราจารย์คนึง ฦๅไชย ปรมาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิในวงการกฎหมายไทย โดยมีหุ้นส่วนและที่ปรึกษาหลายท่านเป็นอดีตผู้พิพากษาและอดีตพนักงานอัยการระดับสูง ทำให้ประณตได้มีโอกาสศึกษาวิธีคิดและแนวทางการทำงานอย่างลึกซึ้ง ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวิชาชีพอย่างเข้มข้น และฝึกฝนในสภาพแวดล้อมที่เน้นความละเอียด รอบคอบ และยึดมั่นในจรรยาบรรณของทนายความ
ตลอดช่วงเวลากว่าทศวรรษในสำนักงานกฎหมายคนึง แอนด์ พาร์ทเนอร์ส ประณตได้สั่งสมประสบการณ์ในคดีสำคัญหลากหลายประเภท ทั้งคดีแพ่ง คดีอาญา และคดีทางธุรกิจ ซึ่งหลายคดีมีลักษณะซับซ้อนและมีผลกระทบในวงกว้างทั้งในเชิงเศรษฐกิจและสังคม ความมุ่งมั่นและความรับผิดชอบในการทำงาน ทำให้ได้รับความไว้วางใจให้มีส่วนร่วมในคดีสำคัญอย่างต่อเนื่อง
เมื่อถึงจุดที่มีความพร้อมและต้องการต่อยอดประสบการณ์ให้เติบโตยิ่งขึ้น ประณตจึงได้ก่อตั้ง “สำนักงานกฎหมาย เดอะ เกรท จำกัด” ในปี พ.ศ. 2558 โดยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ เพื่อให้บริการทางกฎหมายอย่างครอบคลุมและเป็นอิสระตามแนวทางที่ตนเชื่อมั่น คือ การให้คำปรึกษาและการดำเนินคดีอย่างมืออาชีพ ภายใต้หลักความซื่อสัตย์ สุจริต และยึดมั่นในความยุติธรรม
ต่อมาในปี พ.ศ. 2567 ด้วยความเชื่อมั่นในแนวคิดและอุดมการณ์เดียวกันในการสร้างสำนักงานกฎหมายที่มีความครบวงจรและยกระดับมาตรฐานวิชาชีพ มนต์อนันต์ เรืองจรัส อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท สำนักงานกฎหมาย คนึง แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด จึงได้ชักชวนประณตให้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งสำนักงานกฎหมาย เอ็มอาร์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด (MRP) ร่วมกับหุ้นส่วนอีก 4 คน เพื่อรวมพลังแห่งประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และความหลากหลายทางกฎหมาย สร้างสรรค์สำนักงานที่ให้บริการทางกฎหมายได้อย่างครบเครื่อง ครอบคลุมทุกมิติ และตอบสนองความต้องการของลูกความทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างแท้จริง ประณตถือเป็นหนึ่งในเสาหลักของ MRP ที่ร่วมผลักดันให้สำนักงานกฎหมายแห่งนี้เติบโตอย่างมั่นคงภายใต้ปณิธานที่ตั้งไว้
ประณตเป็นทนายความที่มีความเชี่ยวชาญด้าน อรรถคดี (Litigation) โดยเฉพาะคดีที่มีความซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับกฎหมายอาญา การทุจริต และข้อพิพาททางธุรกิจที่มีมูลค่าสูง
ผลงานคดีสำคัญที่ประณตมีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่
ธนพัฒก์ จันทร์เจริญสิน เริ่มต้นเส้นทางวิชาชีพกฎหมายในปี พ.ศ. 2548 กับ บริษัท สำนักงานกฎหมาย คนึง แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด (Kunung & Partners Law Offices Co., Ltd.) ในตำแหน่งทนายความและที่ปรึกษากฎหมาย โดยรับผิดชอบงานด้านอรรถคดีและการให้คำปรึกษากฎหมายเชิงธุรกิจแก่ลูกความในหลากหลายสาขาทั้งภาครัฐและเอกชน ในช่วงเวลาดังกล่าวธนพัฒก์ยังได้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายของบริษัท คนึง แอนด์ พาร์ทเนอร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล คอนซัลแตนท์ซี จำกัด (Kunung & Partners International Consultancy Co., Ltd.) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ให้บริการด้านที่ปรึกษากฎหมายในระดับนานาชาติ โดยให้คำปรึกษาแก่ลูกความในด้านการลงทุน การทำสัญญาระหว่างประเทศ และข้อพิพาททางการค้า
ด้วยความทุ่มเท ความละเอียดรอบคอบ และความสามารถในการบริหารงาน ธนพัฒก์ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของทั้งสองบริษัท มีบทบาทสำคัญในการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจ การกำกับคุณภาพงานกฎหมาย และการพัฒนาโครงสร้างการบริหารสำนักงานให้มีความเป็นระบบและทันสมัย
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2567 ธนพัฒก์ได้ร่วมกับพันธมิตรผู้ทรงคุณวุฒิทางกฎหมายในหลากหลายสาขา ก่อตั้งบริษัท เอ็มอาร์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด (MR & Partners) โดยมุ่งหมายที่จะสร้างสำนักงานกฎหมายที่มีคุณภาพ จรรยาบรรณ และได้รับความไว้วางใจ ปัจจุบันธนพัฒก์ดำรงตำแหน่ง หุ้นส่วน (Partner) และผู้จัดการทั่วไป (General Manager) รับผิดชอบการบริหารงานโดยรวมของบริษัท ทั้งในด้านกลยุทธ์ การบริหารทีมงาน และการควบคุมคุณภาพการให้บริการทางกฎหมาย เพื่อให้สอดคล้องกับปณิธานขององค์กร
นายธนพัฒก์ มีความเชี่ยวชาญทั้งในด้านอรรถคดี และการให้คำปรึกษาทางกฎหมาย
มีประสบการณ์ว่าความคดีแพ่งและอาญาในศาลยุติธรรมและศาลชำนัญพิเศษ อาทิ ศาลแรงงาน ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เป็นต้น นายธนพัฒก์ มีความชำนาญพิเศษในด้านการระงับข้อพิพาททางการค้า ธุรกิจพลังงาน และการก่อสร้าง การระงับข้อพิพาททางการค้าด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการในสัญญาซื้อขาย สัญญาก่อสร้างที่มีทุนทรัพย์สูง นอกจากนี้ธนพัฒก์ยังมีประสบการณ์ในการดำเนินคดีปกครองที่พิพาทกันในลักษณะต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีพิพาทอันเกี่ยวด้วยสัญญาทางปกครอง
ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับกฎหมายธุรกิจ ตรวจสอบนิติกรรมสัญญา รวมทั้งให้คำปรึกษาเกี่ยวกับกฎหมายคุ้มครองแรงงานให้กับเอกชนหลายแห่ง นอกจากนี้ ยังรับเป็นที่ปรึกษาด้านนิติการและการตรวจสอบสัญญาให้แก่ภาครัฐ และรวมถึงการตอบข้อหารือในปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลให้แก่หน่วยงานราชการ มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐหลายแห่ง
สำหรับตัวอย่างผลงานสำคัญ ได้แก่:
พิเชฐ กิตตินิเวศน์กุลเป็นทนายความผู้มากด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปีในสายงานกฎหมายภาคเอกชน โดยเฉพาะด้าน กฎหมายการเงิน การธนาคาร และตลาดทุน เส้นทางอาชีพของพิเชฐเริ่มต้นในปี 2527 ที่ สำนักงานชัชวาล สิงหลกะ ก่อนจะเข้าร่วมงานกับ สำนักงานศักดิ์ เวชประสิทธิ์ ปี 2531 และต่อมาปี 2533 ได้เข้าดำรงตำแหน่ง นิติกรที่ปรึกษาและทนายความของธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) ปี 2542 พิเชฐได้ร่วมงานกับ บริษัท สำนักงานกฎหมาย คนึง แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ได้รับโอกาสในการว่าความและดูแลคดีสำคัญที่มีความซับซ้อนหลากหลาย ด้วยความเชี่ยวชาญและความเข้าใจในกฎหมายตลาดทุนและกิจการธนาคารพาณิชย์อย่างลึกซึ้ง อีกทั้งยังมีความรู้รอบด้านในกฎหมายแขนงอื่นๆ อย่างกว้างขวาง จึงได้รับเชิญให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษากฎหมายอาวุโส (Senior Of Counsel) ของ บริษัท เอ็มอาร์ ลีเกิล คอนซัลแตนซี จำกัด ตั้งแต่ปี 2559 และต่อเนื่องถึงปัจจุบันในฐานะ Senior Of Counsel ของ บริษัท เอ็มอาร์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด โดยทำหน้าที่ให้คำปรึกษาเชิงลึกและกลั่นกรองคดีสำคัญอย่างรอบด้าน